Shopify นำเสนอฟีเจอร์ Shop Pay แก่ผู้ใช้ที่ไม่ใช่ Shopify เพื่อขยายส่วนสนับสนุนด้านการค้าปลีก ทำให้กระบวนการชำระเงินเร็วขึ้นและอัตราการแปลงที่สูงขึ้น Shop Pay ปรับปรุงประสบการณ์การซื้อของลูกค้าโดยจัดเก็บที่อยู่อีเมล ข้อมูลบัตรเครดิต และรายละเอียดการจัดส่งและการเรียกเก็บเงินอย่างปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำจึงสามารถหลีกเลี่ยงการป้อนข้อมูลซ้ำในระหว่างการซื้อในอนาคตได้อย่างสะดวกสบาย
การขยายตัวนี้เป็นไปได้ผ่าน Shopify 's Commerce Components ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ธุรกิจที่ไม่ได้ดำเนินการบน Shopify สามารถเข้าถึงส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น Shopify Payments, ShopifyQL และ Liquid ซึ่งเป็นภาษา low-code ที่สร้างขึ้นเพื่อออกแบบหน้าร้าน ด้วยการขยายการเข้าถึง Shopify ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูง
จากข้อมูลของ Shopify การใช้ Shop Pay สามารถเพิ่มอัตราการแปลงได้มากถึง 50% เมื่อเทียบกับการชำระเงินของแขก และมากกว่า 10% มากกว่าตัวเลือกการชำระเงินแบบเร่งอื่น ๆ Kaz Nejatian รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Shopify เน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำ Shop Pay มาใช้ โดยระบุว่า องค์กรที่ไม่ใช้ประโยชน์จาก Shop Pay กำลังก่อวินาศกรรมตนเอง
นอกเหนือจากการขยายการเข้าถึง Shop Pay แล้ว Shopify ยังเปิดเผยการอัปเกรดเพื่อรวมเข้ากับ Adyen ซึ่งเป็นบริษัทชำระเงินออนไลน์ การปรับปรุงนี้ช่วยให้หน้าร้าน Shopify สามารถรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น บัตรเครดิต กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น Apple Pay และ Google Pay) รวมถึงตัวเลือกระหว่างประเทศ เช่น iDEAL ในเนเธอร์แลนด์ และ Cartes Bancaires ในฝรั่งเศส การทำงานร่วมกันช่วยขยายความเก่งกาจของโซลูชันการค้าปลีกของ Shopify
ด้วยการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์ม low-code และ no-code ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อปรับแต่งโซลูชันซอฟต์แวร์โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านโค้ดเชิงลึก นอกจาก Shopify และ Liquid แล้ว แพลตฟอร์มแบบไม่มีโค้ดของ AppMaster.io ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ พัฒนาแอปพลิเคชันส่วนหลัง เว็บ และมือถือ กระตุ้นนวัตกรรมและการเติบโต ผู้ที่ไม่ใช่นักพัฒนาสามารถสร้างโปรเจ็กต์ที่ปรับขนาดได้อย่างง่ายดาย โดยใช้แพลตฟอร์มเช่น Shopify และ AppMaster เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการค้าปลีกและประสบการณ์ของผู้ใช้