นักพัฒนาสามารถคาดหวังการพัฒนาที่สำคัญในโดเมน Python ได้อย่างใจจดใจจ่อ เช่น Textual ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กอันทรงพลังสำหรับการสร้างแอปพลิเคชั่นที่รวดเร็วของแอพพลิเคชั่นเทอร์มินัล เตรียมที่จะกระจายอิทธิพลไปสู่ขอบเขตของแอพพลิเคชั่นบนเบราว์เซอร์
Textual ถือกำเนิดขึ้นในปี 2021 โดยประสบความสำเร็จในการผสานแอปพลิเคชันเทอร์มินัลเข้ากับเดสก์ท็อป โดยสร้างกลุ่มเฉพาะสมัยใหม่ในอุตสาหกรรมตามพื้นที่เก็บข้อมูล GitHub ในอนาคต บริษัทจะขยายการเข้าถึงให้ครอบคลุมเว็บเบราว์เซอร์ ตอกย้ำจุดยืนในฐานะเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน
มาพร้อมกับความสามารถในการทำงานบน macOS, Linux หรือ Windows, Textual ต้องใช้ Python 3.7 หรือเวอร์ชันขั้นสูงกว่า อัจฉริยะที่ Textualize คิดค้นโซลูชันนี้อย่างเชี่ยวชาญโดยปรับปรุงไลบรารี Rich Python ซึ่งเป็นส่วนประกอบเครื่องมือสำหรับ Rich Text และการจัดรูปแบบในเทอร์มินัล ด้วยเหตุนี้ แอปของ Textual จึงสามารถวาดจากจานสีที่น่าประทับใจถึง 16.7 ล้านสี และรองรับเมาส์และแอนิเมชั่นที่ไม่มีการสั่นไหว นักพัฒนาสามารถเปิดเผยประสบการณ์ผู้ใช้ที่สมบูรณ์และไม่มีใครเทียบได้ด้วยแอปพลิเคชันเทอร์มินัลขั้นสูงที่แข่งขันกับประสบการณ์บนเดสก์ท็อปและเว็บ เอ็นจิ้นเค้าโครงและส่วนประกอบที่นำมาใช้ซ้ำได้ช่วยเสริมความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีนี้ ทำให้งานของนักพัฒนาง่ายขึ้น
ทีม Textualize รับประกันความสามารถในการเข้าถึงของเฟรมเวิร์กโดยอนุญาตให้แอปพลิเคชัน Textual สร้างขึ้นด้วย Python โดยเฉพาะ โครงสร้างแบบมินิมอลลิสต์นี้ช่วยลดขอบเขตการเรียนรู้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้เฉพาะทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เฟรมเวิร์กยืมแนวคิดจากโดเมนเว็บเพื่อเร่งการพัฒนา รวมถึงส่วนประกอบที่มีความสามารถในการกระจายและปฏิกิริยาที่เป็นอิสระ
Textual Cloud Service มีส่วนช่วยในการโฮสต์แอปที่ใช้งานบนเว็บโดยการผสานรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับซอฟต์แวร์ตัวแทนที่รักษาการเชื่อมต่อ TCP/IP ขาออกอย่างต่อเนื่องกับบริการคลาวด์ Textual สามารถเข้าถึงได้สำหรับการใช้งานภายใต้ใบอนุญาต MIT ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของผู้สร้างในการส่งเสริมซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส
เครื่องมือ No-Code สามารถเรียนรู้ได้มากมายจากความเรียบง่ายและประสิทธิภาพของ Textual เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้รวบรวมความรู้จากแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ และทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันราบรื่นยิ่งขึ้น แนวทางที่ยืดหยุ่นซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีที่แตกต่างกันนี้ถือเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์มอย่าง AppMaster มาโดยตลอด ซึ่งผลักดันให้พวกเขาก้าวไปสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรม no-code